วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
ขนมหม้อแกง
ส่วนผสม
-ฟักทองนึ่งสุกแล้วบี้ให้แตก 1 ถ้วยตวง
-ไข่ 5 ฟอง
-มะพร้าว 11/2ถ้วยตวง
-น้ำตาลปีบ 11/2 ถ้วยตวง
-หัวหอม
-น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันพืช
วิธีทำ
1. นึ่งเผือกให้สุก แล้วปอกเปลือก บดให้แตก อย่าให้เป็นเม็ด
2. ไข่ น้ำตาล มะพร้าว ผสมให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง
3. นำเผือกและน้ำกะทิที่ผสมไว้ ค่อยๆ ผสมทีละน้อย จนเผือกละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เอาขึ้นตั้งไฟกลาง คนพอขนมแข็งตัว
4. ซอยหอม เจียวให้เหลือง พักไว้
5. ทำน้ำมันในถาดสำหรับปิ้ง แล้วนำขนมใส่ลงในถาด เอาเข้าเตาอบหรือผิงไฟล่างไฟบน แล้วแต่สะดวก
http://www.zomzaa.com/uploads/cookery_images/Kanom%20Mokang/kanommokang-1.jpg
http://naichef.50megs.com/khanomthai1.html#19
ขนมหน้านวล
ส่วนผสม
-ไข่ไก่ (ใช้แต่ไข่แดง) 4 ฟอง
-น้ำตาลป่น 3/4ถ้วยตวง
-แป้งสาลีร่อนแล้ว 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ตีไข่ให้ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลทรายป่นทีละน้อยจนหมด แล้วจึงใส่แป้ง ค่อยๆ คนเบาๆ ให้เข้ากัน
2.นำน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมูทาพิมพ์รูปเรือ โดยตักน้ำมันหยอดลงในพิมพ์เล็กน้อย แล้วจึงเรียงพิมพ์ลงในถาดอบ อบไฟ 250 องศาฟาเรนไฮต์ จนพิมพ์ร้อน ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที จึงเอาออกจากเตา
3.ตักขนมใส่ลงในพิมพ์ 3/4 ของพิมพ์ อบไฟ 250 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 10-15 นาที จนขนมสุกเหลือง เอาออกจากเตา
4.ปล่อยให้ขนมเย็น แล้วจึงแกะออกจากพิมพ์วางบนตะแกง ปล่อยไว้ให้เย็น จึงเก็บใส่กล่องปิดฝา
หมายเหตุ ลักษณะขนมควรเป็นสีเหลืองนวล เป็นโพรง เมื่อหักออกจะมีน้ำเชื่อมเยิ้มเหนียว รับประทานกับมะพร้าวทึนทึก
http://naichef.50megs.com/khanomthai1.html#19
ขนมเสน่ห์จันทร์
ส่วนผสม
-แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
-แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
-หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
-ผงจันป่น 1/2 ช้อนชา
-สีผสมอาหารสีเหลือง
วิธีทำ
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
2. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาล ละลายแล้วกรองผสมแป้งกับกะทิ และผงจันป่นสีเหลือง
3. ตั้งไฟอ่อน กวนจนจับกัน
4. ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง ใส่ขณะแป้งร้อน รีบคนให้เข้ากัน ยกลง
5. พอขนมอุ่นปั้นได้ ให้ปั้นเป็นรูปผลจัน ตรงขั้วผลใช้น้ำตาลเคี่ยวสีน้ำตาลหยอด
http://naichef.50megs.com/khanomthai1.html#55
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
ผลการประเมินบล็อก
Author: ปนัดดา
|
at:21:33
|
Category :
งานส่ง
|
-เนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพ
-วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
1.เพื่อให้ทราบถึงประวัติความเป็นมาและวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย
2. เพื่ออนุรักษ์ขนมไทยให้อยู่คู่กับคนไทย
3. เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในหมู่สมาชิก และผู้สนใจในการทำขนมไทยทั้งหลาย
4. เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาบริโภคขนมไทยแทนขนมขบเคี้ยว
5. เพื่อส่งเสริมอาชีพให้แก่คนไทย และให้เป็นสินค้าที่ต้องการของคนทั่วโลก
6. เพื่อให้ผู้ที่สนใจทำขนมไทยรับประทานเอง
7. เพื่อคนไทยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์แถมมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
8. เพื่อเผยแพร่การทำขนมไทยให้บุคคลทั่วโลกที่สนใจได้รับรู้
-เนื้อหาเป็นประโยชน์(4 คะแนน)
การทำขนมไทยเป็นการช่วยอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ช่วยในการผ่อนคลายทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถนำไปสร้างเป้นอาชีพหรือรายได้เสริมได้
-ความน่าสนสนใจ( 4 คะแนน)
-ความทันสมัย (4 คะแนน)
ในปัจจุบันวิธีการทำขนมไทยนั้นมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีสีสันน่ารัปประทานมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มคุณค่าทางอาหารโดยเน้นสีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาติเป็นหลัก และยังปลอดสิ่งเจือปน แต่ขนมไทยยังคงเน้นความเป็นเอกลักษณ์ไทยไว้
-การออกเเบบ/ความสวยงาม (4 คะแนน)
การปรับปรุงรูปแบบผลงานที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งต่าง ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม ให้มีความแปลกความใหม่เพิ่มขึ้น ถ้อยคำ เส้น สี แสง รูปแบบ และวัสดุต่าง ๆอย่างเหมาะสม เพื่อความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
-ความเรียบง่าย (อ่านง่าย เข้าใจง่าย) (4 คะแนน)
อ่านแล้วได้ ข้อคิดดีๆ และความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ มีรูปภาพประกอบเข้าใจง่าย แต่ก็ไม่รบกวนสายตาของผู้ใช้
สรุปคะแนน 21 คะแนน
วิถีชีวิตของคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตรที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมายเช่น กล้วย อ้อย มะม่วง รวมไปถึงข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ ที่สามารถปรุงเป็น ขนม ได้มากมายหลายชนิด เช่น อยากได้ กะทิ ก็เก็บมะพร้าวมาขูดคั้นน้ำกะทิ อยากได้ แป้งก็นำข้าวมาโม่เป็นแป้งทำขนมอร่อยๆ เช่น บัวลอย กินกันเองในครอบครัว
ขนมไทยถูกนำไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทำขนมชื่อมีมงคล ได้แก่ ขนมตระกูลทองทั้งหลาย เพราะคนไทยถือว่า "ทอง" เป็น ของดีมีมงคลทำแล้วได้มีบุญกุศล มีเงินมีทอง มีลาภยศ สรรเสริญ สมชื่อขนมนั่นเอง และให้กลุ่มผู้สนใจการทำขนมไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้มากขึ้น
-วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
1.เพื่อให้ทราบถึงประวัติความเป็นมาและวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย
2. เพื่ออนุรักษ์ขนมไทยให้อยู่คู่กับคนไทย
3. เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในหมู่สมาชิก และผู้สนใจในการทำขนมไทยทั้งหลาย
4. เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาบริโภคขนมไทยแทนขนมขบเคี้ยว
5. เพื่อส่งเสริมอาชีพให้แก่คนไทย และให้เป็นสินค้าที่ต้องการของคนทั่วโลก
6. เพื่อให้ผู้ที่สนใจทำขนมไทยรับประทานเอง
7. เพื่อคนไทยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์แถมมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
8. เพื่อเผยแพร่การทำขนมไทยให้บุคคลทั่วโลกที่สนใจได้รับรู้
-เนื้อหาเป็นประโยชน์(4 คะแนน)
การทำขนมไทยเป็นการช่วยอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ช่วยในการผ่อนคลายทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถนำไปสร้างเป้นอาชีพหรือรายได้เสริมได้
-ความน่าสนสนใจ( 4 คะแนน)
-ความทันสมัย (4 คะแนน)
ในปัจจุบันวิธีการทำขนมไทยนั้นมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีสีสันน่ารัปประทานมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มคุณค่าทางอาหารโดยเน้นสีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาติเป็นหลัก และยังปลอดสิ่งเจือปน แต่ขนมไทยยังคงเน้นความเป็นเอกลักษณ์ไทยไว้
-การออกเเบบ/ความสวยงาม (4 คะแนน)
การปรับปรุงรูปแบบผลงานที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งต่าง ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม ให้มีความแปลกความใหม่เพิ่มขึ้น ถ้อยคำ เส้น สี แสง รูปแบบ และวัสดุต่าง ๆอย่างเหมาะสม เพื่อความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
-ความเรียบง่าย (อ่านง่าย เข้าใจง่าย) (4 คะแนน)
อ่านแล้วได้ ข้อคิดดีๆ และความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ มีรูปภาพประกอบเข้าใจง่าย แต่ก็ไม่รบกวนสายตาของผู้ใช้
สรุปคะแนน 21 คะแนน
ขนมไข่
ส่วนผสม
-ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ถ้วยตวง
-แป้งเค้ก 1 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
-น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
-ผงฟู 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ตีไข่ให้ขึ้นฟู แล้วเติมน้ำตาลทีละน้อยจนหมด ตีต่อไปจนน้ำตาลตั้งยอดอ่อน
2.ร่อนแป้งผงฟูเข้าด้วยกัน แล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ใส่แป้งส่วนที่ 1 ลงในไข่ที่ตีแล้ว เคล้าเบาๆให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาวลงไป ใส่แป้งส่วนที่ 2 เคล้าเบาๆอีกครั้ง
3.ทาน้ำมันพืชที่พิมพ์ขนมอบให้ร้อน แล้วใส่แป้งที่ผสมลงในพิมพ์ปิดฝาอบให้แป้งสุกแห้งจนขนมเป็นสีทอง แกะขึ้นใส่ถาด พักไว้ให้เย็น
ขนมทราย
ส่วนผสม
-แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
-น้ำดอกไม้ 2 1/2 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 2 1/2
-มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นๆ
วิธีทำ
1.นวดแป้งกับน้ำดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง ใช้ผ้าขาวบางบิดหมาดคลุมไว้
2.ต้มน้ำตาลทราย กับน้ำดอกไม้ให้เดือด กรองให้สะอาด พักไว้ให้เย็น
3.ยีแป้งที่นวดไว้บนกระชอนลวด แล้วยีซ้ำอีกครั้ง ให้แป้งลงในรังถึงที่ปูด้วยผ้าขาว บางไว้แล้ว
4.นำแป้งที่ยีได้นึ่งในน้ำเดือดประมาณ 45 นาที จนแป้งสุกคอยระวังอย่าให้น้ำแห้งพอแป้งสุก เทใส่ชามผสมน้ำพักไว้ให้เย็น
5.เทน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วลงในชามแป้งคนเร็วๆ ให้ทั่ว พักไว้ประมาณ 10 นาที ใช้ซ้อมยีให้แป้งกระจาย เนื้อละเอียดฟูดี จึงอบด้วยดอกมะลิหรือเทียนอบไว้ 1 คืน
6.เสริฟกับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยเป็นเส้นๆ
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn15.htm
ขนมข้าวตู
ส่วนผสม
-ข้าวตาก 1 ถ้วยตวง
-น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง
-มะพร้าวทึนทึกขูดละเอียด 1 ถ้วยตวง
-น้ำลอยดอกไม้
วิธีทำ
1.น้ำข้าวตากมาคั่วให้เหลืองกรอบแล้วนำไปป่นให้ละเอียดร่อน แล้วป่นอีกครั้งให้ละเอียดดี
2.ผสมน้ำตาลกับน้ำตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย แล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบางใส่กระทะทองตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาล เหนียว
3.ใส่มะพร้าวขูดลงกวนกับน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ ยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็น
4.ใส่ข้าวคั่วที่ป่นละเอียดแล้วลงคลุกกับน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่ว
5.เอาขนมอัดใส่พิมพ์ แล้วเคาะออกใส่ขวดโหลหรือภาชนะเก็บไว้
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn36.htm
ขนมมันรังนก
ส่วนผสม
-มันเทศ 500 กรัม
-น้ำมันพืช 3 ถ้วยตวง
-น้ำตาลปีบ 500 กรัม
-แบะแซ 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.มันเทศปอกเปลือกออกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กตามยาว แช่น้ำปูนใส แล้วล้างให้สะอาด ใส่กระชอนผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2.ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนใส่มันลงทอดทีละน้อย ให้กรอบเหลือง แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3.กระทะทองตั้งไฟใส่น้ำตาล ใส่น้ำ แบะแซลงเคี่ยวจนเหนียว ใสมันทอดลงไปเคล้าให้ทั่วยกกระทะลง
4.แบ่งมันที่คลุกน้ำตาลไว้แล้วเป็นก้อนกลมพักไว้ให้อยู่ตัวจัดใส่ภาชนะ
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn41.htm
ขนมโสมนัส
ส่วนผสม
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
-เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
-มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วยตวง
-น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ใส่มะพร้าวที่ ขูดไว้ลงในถาด เกลี่ยให้บางเสมอกัน นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศา จนมะพร้าวแห้งกรอบ นำออกจากถาดปล่อยพักไว้ให้เย็น
2.ตีไข่ขาวให้ขึ้นจนไข่ตั้งยอด แล้วใส่น้ำตาลทีละน้อย เมื่อน้ำตาลหมดใส่เกลือตีต่อไปจนไข่ตั้งยอดอีกครั้ง
3.เทมะพร้าวที่อบแห้งแล้วลงในไข่เคล้าเบาๆให้เข้ากัน
4.ตักขนมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วเป็นก้อนกลม วางลงบนถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆ นำเข้าอบที่อุณหภูม 250 องศา จนขนมแห้งกรอบดี แซะออกจากถาดผึ่งไว้ให้เย็น
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn35.htm
ขนมผิง
ส่วนผสม
-แป้งมัน 2 1/4 ถ้วยตวง
-หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย1/2 ถ้วยตวง
-ไข่แดง(ไข่ไก่) 2 ฟอง
วิธีทำ
1.หัวกะทิใส่กระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลลงในกะทิเคี่ยวจนเป็นยางมะตูมลงพักไว้สักครู่
2.ใส่ป้งมันลงในน้ำกะทิที่เคี่ยวไว้คนแรงๆเร็วๆ ให้ทั่วใส่ไข่แดงคนให้เข้ากัน แล้วนวดต่อจนนุ่ม หมักไว้ 2-3 ชั่วโมง
3.ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ วางลงบนถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆห่างกันประมาณ 1 นิ้วจนเต็มถาดนำไปอบที่อุณหภูมิ 270-300 องศาฟาเรนไฮท์ประมาณ 10-20จนขนมสุก แซะออกจากถาดปล่อยไว้ให้เย็นแล้วจึงนำเก็บใส่ขวดโหล
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn31.htm
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552
ขนมลืมกลืน
ส่วนผสม
-แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
-น้ำลอยดอกไม้ 5 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
-หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
-แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ผสมแป้งถั่วเขียวกับน้ำตาลทราย ให้เข้ากันใส่ลงในกระทะทองคนให้เข้ากันใส่น้ำลอยดอกไม้ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนแป้งสุกใส
2.หยอดขนมลงในพิมพ์หรือถ้วยตะไล
3.ผสมหัวกะทิแป้งข้าวเจ้าลงในกระทะทอง กวนด้วยไฟอ่อนๆ ใส่เกลือ คนจนแป้งสุกและกะทิข้น หยอดหัวกะทิลงบนตัวขนม จัดใส่ภาชนะ
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn47.htm
ขนมกระเช้าสีดา
ส่วนผสม
-แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
-ไข่แดง 2 ฟอง
-น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
-น้าเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
-มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
-น้ำดอกไม้ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากันใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟองนวดจนแห้งเนียนนิ่มใช้ผ้าขาวบาง ชุบน้ำบิดหมาดๆคลุมพักไว้ประมาณ 10-15 นาที
2.แบ่งแป้งที่ละน้อยกดลงพิมพ์กระเช้าใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางจนแป้งสุกยกลงพักไวให้เย็น
3.ผสมน้ำทรายน้ำลอยดอกไม้ ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนตาลทรายละลายเหนียวจนเป็ยยางมะตูมใส่มะพร้าวลงคลุกกับน้ำเชื่อมให้ทั่ว กันจนน้ำเชื่อมแห้ง
4.ตักมะพร้าวใส่ลงในกระเช้าจัดให้สวยงามแล้ววางผึ่งลมให้แห้งแล้วจึงจัดใส่ภาชนะ
http://www.skn.ac.th/skl/project/swee65/sn19.htm
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)